“จุรินทร์” ดันหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ สร้างแต้มต่อให้ประเทศ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีมอบวุฒิบัตรแก่ผู้สำเร็จหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ TEPCoT (Top Executive Program in Commerce and Trade) รุ่นที่ 13 และรุ่นที่ 14 โดยหลักสูตรนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายส่วน เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์หลักสูตรสร้างบุคลากรชั้นนำของประเทศ ให้มีวิสัยทัศน์สามารถวางกลยุทธ์เพื่อวางตำแหน่งของประเทศในการแข่งขันทางการค้าในเวทีโลกและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยให้เจริญก้าวหน้าเท่าทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้รับวุฒิบัตรวันนี้มี 2 รุ่น คือรุ่นที่ 13 และ 14
ตั้งแต่ได้มาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน เอกชนจะเป็นกลไกสำคัญร่วมมือกับภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของประเทศไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้ กรอ.พาณิชย์ จึงเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ที่ตนมารับหน้าที่ ร่วมมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและอื่นๆ ให้ทุกฝ่ายจับมือกันแก้ปัญหาให้สำเร็จ
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การแก้ปัญหาการค้าจึงเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็วและแก้ปัญหาอุปสรรคได้เยอะ ตัวเลขการส่งออกเป็นบวกเพียงไม่กี่ประเทศจากสถานนะการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น ปี 64 ทำได้ 8.5 ล้านล้านบาท แต่ปี 65 ตนเชื่อว่าจะทำได้เกือบ 10 ล้านล้านบาท หลายท่านมีส่วนสำคัญในการสร้างเงินสร้างอนาคตให้กับประเทศไทยของเรา และประเทศไทยต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์เพาเวอร์ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมการเกษตร เวลเนสและสังคมผู้สูงอายุ ทั้งหมดต้องเดินหน้าไปสู่ความยั่งยืนเป็นข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุด เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำและที่สำคัญคือสิ่งที่โลกต้องการ สุดท้ายเราก็ต้องทำเพราะกลายเป็นกติกาโลกคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งวันนี้และอนาคตอันใกล้เรากำลังต้องเผชิญกับอย่างน้อย 3 ปัญหา ในฐานะคนทำการค้า 1. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์หรือปัญหาความขัดแย้งของโลก จับขั้ว แบ่งข้าง เอาเศรษฐกิจการค้ามัดรวมกับการเมือง และมีการบังคับเลือกข้าง 3-4 กลไกใหญ่ เช่น 1) RCEP ที่จีนเป็นพี่ใหญ่ ซึ่งสำเร็จมีผลบังคับใช้แล้ว 2) อินโดแปซิฟิกที่สหรัฐฯกำลังเป็นหัวเรือรวบรวมสมาชิก จุดยืนประเทศไทยเราต้องเลือกอาเซียน จับมือกับประเทศสมาชิกให้เราตัวโตขึ้น เป็นยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยต้องยืน 3) เอเปค มีทั้งจีน สหรัฐ อนาคตจะพัฒนาเป็น FTA มี GDP 2 ใน 3 ของโลก ถ้าเจรจาสำเร็จแต่คงอีกยาวนานพอสมควร 2.ความยั่งยืน แปลความหมายได้สองอย่าง 1) ทางบวก คือสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ และ 2) ทางลบ ในอนาคตจะเป็นเครื่องมือกีดกันทางการค้าของประเทศที่ถูกตราหน้าว่าไม่ไปสู่ความยั่งยืนคำพูดจาก เกมสล็อตทดลองเล่น
3.ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เติบโตน้อยลง ปีนี้โต 2.7% ทำการค้าจะลดความคล่องตัว การส่งออกได้รับผลกระทบ ต้องเร่งทะลวงความท้าทาย ภาครัฐต้องจับมือกับภาคเอกชนเดินหน้าต่อไป ปีนี้เราจะบุกตลาดที่มีศักยภาพอย่างน้อย 3 ตลาดที่ยังบวก เช่นตะวันออกกลาง ตนจะเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) วันที่ 6-8 กุมภาพันธ์ เพื่อตั้งสภาความร่วมมือเอกชน 2 ประเทศ และจะไปเซ็น MoU กับบริษัทโลจิสติกส์ทางเรือยักษ์ใหญ่ที่สุดของ UAE มีเครือข่าย 40 ท่าเรือทั่วโลก เพื่อสร้างเงินสร้างอนาคตไว้ให้ประเทศ และเร่งทำ FTA สร้างแต้มต่อให้อนาคต
“ตอนนี้ไทยมี 14 FTA กับ 18 ประเทศต้องเร่งเพิ่ม โดยเฉพาะกับอียู ติดขัดจากช่วงยึดอำนาจเลิกเจรจา วันนี้เกือบเสร็จ เหลือฝ่ายการเมืองแสดงเจตจำนง เพื่อส่งออกสินค้าได้ตลาดใหม่ภาษีเป็นศูนย์ในอนาคต พรุ่งนี้ผมจะไปบรัสเซลล์ เพื่อพบรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าสหภาพยุโรป จะได้ประชุมหาข้อสรุปนับหนึ่งทางการเมือง ตนหวังว่าไปเที่ยวนี้จะนำความสำเร็จกลับมา ถ้าได้นับหนึ่งเมื่อไหร่ เราจะสร้างเงินสร้างอนาคตให้กับประเทศไทยต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว