Search for:
  • Home/
  • /
  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 1 เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3 – 1 เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน

ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่!
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 48,924 คน
รายการ คาร์ลิ่ง คัพ
เวลา 03.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน มาร์ค แคล็ตเท็นเบิร์ก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะในคืนแห่งความทรงจำ
เกมนัดนี้เป็นเกมการแข่งขันฟุตบอลนัดหนึ่ง แต่เทียบไม่ได้กับความยิ่งใหญ่ในการแสดงความอาลัยต่อการเสียชีวิตของจอร์จ เบสต์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม
ปิศาจแดง ไล่ต้อนเวสต์ บรอม อย่างสบายด้วยการทำ 3 ประตูภายในเวลาชั่วโมงเดียว หลังจากนั้นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เข้ามารับงานต่อโดยการแสดงการอำลาที่น่าซาบซึ้งใจต่อตำนานยอดนักเตะผู้ยิ่งใหญ่
เกมเริ่มต้นช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้ 6 นาทีเนื่องจากการแสดงความสดุดีที่มีขึ้นก่อนเกมต่ออดีตปีกผู้ยิ่งใหญ่ของปิศาจแดง ผู้ซึ่งเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ละคนในฝูงชนจำนวน 48,924 คนรวมทั้งแฟนบอลของเวสต์ บรอม ถือโปสเตอร์ที่มีภาพของเบสต์ ระหว่างการยืนสงบนิ่งก่อนเริ่มเกมเป็นเวลา 1 นาทีที่สมบูรณ์แบบ
สโมสรสมควรได้รับการยอมรับอย่างยิ่ง มันเป็นการแสดงความระลึกถึงที่น่าประทับใจต่อยอดนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มันเป็นเรื่องที่น่าสังเกตว่า การเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของเบสต์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเกมที่ลงเล่นพบกับเวสต์ บรอม ในปี 1963 และก็เป็นเกมที่พบกับทีมจากมิดแลนด์ทีมนี้นี่เองที่แฟนบอลได้แสดงการอำลาต่อยอดนักเตะผู้นี้
ในความเป็นจริงแล้ว เวสต์ บรอม ไม่สามารถต่อกรกับผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีประสบการณ์มากเกินกว่าที่คาดคิดกันไว้ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และมิเกล ซิลแวสตร์ มีชื่อลงเล่นอย่างน่าประหลาดใจเคียงข้างแกรี่ เนวิลล์ และคีแรน ริชาร์ดสัน ในแผงกองหลัง โรนัลโด้, โอเชีย, ปาร์ค และเฟล็ตเชอร์ เป็นผู้เล่นในแผงกองกลางที่แข็งแกร่ง ในขณะที่คู่กองหน้าเป็นรอสซี่ และซาฮา แม้แต่ตัวสำรองยังมีชื่อของเวย์น รูนี่ย์ อยู่ด้วย
การตัดสินใจของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ให้นักเตะที่มีประสบการณ์ลงเล่นอาจจะเพื่อให้แน่ใจว่าคว้าชัยชนะได้ แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เขาใส่ชื่อนักเตะในทีมชุดใหญ่ก็เพื่อต้องการให้เกมแห่งความทรงจำนี้มีผลการแข่งขันที่น่าประทับใจ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการถูกจับตายและสามารถหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว หลังจากเกมผ่านไปได้ 6 นาที จูเซ็ปเป้ รอสซี่ พาบอลหนีการประกบของกองหลัง 2 คนทางฝั่งซ้าย ก่อนจะตัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และไหลบอลไปให้ซาฮา คู่กองหน้าของเขาซึ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงเป็นนัดแรกของฤดูกาลนี้ กองหน้าผิวหมึกพุ่งเข้ามาเอาบอลที่เสาแรกและยิงผ่านมือรัสเซลล์ โฮลท์ ผู้รักษาประตูเวสต์ บรอม เข้าไปตุงตาข่าย แต่ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าขึ้นมาก่อนแล้ว
บางคนอาจจะบอกว่าเป็นโชคชะตา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์อย่างแน่นอน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งสวมเสื้อหมายเลข 7 หมายเลขเดียวกับที่เบสต์ เคยสวมเมื่อครั้งที่เขาลากเลื้อยจู่โจมแผงกองหลังทีมคู่แข่งในช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 ถูกดิโอแมนซี่ กามาร่า ทำฟาวล์ล้มลงบริเวณกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกจุดโทษ และโรนัลโด้ ก็ลุกขึ้นมาสังหารเองด้วยเท้าขวา ยิงเข้ามุมล่างขวาของประตูไป ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 12 โดยผู้ทำประตูแรกในเกมนี้เป็นผู้สวมเสื้อหมายเลข 7
ปิศาจแดง ยังคงเดินหน้าบุกใส่เวสต์ บรอม อย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกครั้งที่รอสซี่ และซาฮา คู่กองหน้าช่วยกันทำได้ดีทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่างเป็น 2-0 ในนาทีที่ 16 รอสซี่ ซึ่งได้รับการชื่นชมก่อนเกมจากเซอร์ อเล็กซ์ สำหรับการเล่นที่เยือกเย็นในกรอบเขตโทษ แทงบอลอย่างยอดเยี่ยมไปให้ซาฮา หลุดขึ้นไป ดาวยิงชาวฝรั่งเศสถูกปล่อยให้มีเวลาและที่ว่างมากที่เดียว ก่อนจะซัดเรียดด้วยเท้าซ้ายเต็มๆ บอลไปแฉลบตัวโฮลท์ ที่พยายามป้องกันแล้วพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย
ปิศาจแดง ทำให้ทีมเยือนไม่มีโอกาสบุกเข้าไปในกรอบเขตโทษได้เลย ต้องอาศัยการยิงไกลจากนอกกรอบเท่านั้น ประสบการณ์ของเนวิลล์, เฟอร์ดินานด์ และซิลแวสตร์ ทำให้แผงกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มั่นคง
ปาร์ค จีซุง วิ่งพล่านไปทั่วสนามในครึ่งแรกอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยในแผงกองกลาง การลุยแหลกของเขาเกือบจะทำให้ได้ลูกจุดโทษอีกครั้งในนาทีที่ 26 เมื่อดูเหมือนว่าจุนอิชิ อินาโมโตะ จะไปขวางเขาล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่ทั้งผู้ตัดสินและผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่ได้ให้เป็นลูกจุดโทษครั้งที่ 2 กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ ถูกปฏิเสธการได้ประตูอีกครั้งจากการตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าเมื่อเกมผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง การต่อบอลกันอย่างงดงามระหว่างรอสซี่ และซาฮา ทำให้โรนัลโด้ หลุดทะลุแผงกองหลังของเวสต์ บรอม ไปซัดด้วยเท้าขวาผ่านมือโฮลท์ เข้าไป แต่การตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้าเป็นการตัดสินที่ถูกต้องแล้ว
โอกาสที่ดีที่สุดของเวสต์ บรอม ในครึ่งแรกเกิดขึ้นก่อนพักครึ่ง 2 นาที กามาร่า จ่ายบอลทะลุช่องระหว่างเฟอร์ดินานด์ และซิลแวสตร์ ไปให้กับเจฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ ได้ยิงเรียดด้วยเท้าซ้าย แต่บอลไหลออกข้างเสาทางซ้ายของทิม โฮเวิร์ด ไปเพียงนิดเดียว
รอสซี่ เกือบจะปิดท้ายช่วงเวลา 45 นาทีแรกที่น่าประทับใจด้วยการทำประตูที่เขาสมควรจะได้ เริ่มจากเขาได้บอลแล้วจ่ายต่อไปให้โรนัลโด้ที่ระยะ 35 หลาจากหน้าประตู ปีกชาวโปรตุเกสไหลออกไปทางซ้ายให้กับซาฮา ที่เปิดเรียดเข้าไปในกรอบเขตโทษคืนให้กับรอสซี่ ดาวยิงร่างเล็กวัย 18 ปี เหยียดขาจิ้มบอลด้วยเท้าซ้ายทันที แต่บอลพุ่งไปชนโคนเสาเด้งออกมาอย่างน่าเสียดาย
จบครึ่งแรก ปิศาจแดง นำอยู่ 2-0
เริ่มต้นครึ่งหลังมาได้ 11 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูนำห่างไปอีกเป็น 3-0 โอเชียทำประตูที่ 2 จากการลงเล่น 2 นัดได้สำเร็จ เริ่มจากเขาได้บอลมาจากการจ่ายของปาร์ค แล้วทำชิ่งหนึ่งสองอย่างชาญฉลาดกับซาฮา ก่อนที่โอเชีย จะวอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายเต็มข้อ บอลลอยไปแฉลบมือของโฮลท์ ที่หมดสิทธิ์ป้องกันเข้าไปตุงตาข่าย
หลังจากขึ้นนำห่าง 3-0 แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ร่วมกันร้องเพลงสดุดีตำนานยอดนักเตะปิศาจแดง เริ่มจากร้องเพลงให้กับโซลชาร์, คีน และคันโตน่า ก่อนที่จะจบลงด้วยเพลง “We all live in a Georgie Best world” ที่มีชีวิตชีวาด้วยความยาว 20 นาที
เกมเริ่มลดความเข้มข้นลง และก็เป็นนาธาน เอลลิงตัน ที่โหม่งทำประตูจากลูกเตะมุมได้ ทำให้เวสต์ บรอม ตีไข่แตกไล่มาเป็น 3-1 ในนาทีที่ 77 มันเป็นเหมือนการสลับฉากที่ไม่เหมาะสมนักในระหว่างการร้องเพลงที่มีชื่อของจอร์จ เบสต์
ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้อีก จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะเวสต์ บรอม ไปได้ 3-1 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศศึกคาร์ลิ่ง คัพ ได้สำเร็จด้วยเกมที่น่าประทับใจ แต่คืนแห่งความทรงจำนี้เป็นของจอร์จ เบสต์ (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
ทิม โฮเวิร์ด 1
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22 ( น. 56)
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 ( จุดโทษ น. 12)
ปาร์ค จีซุง 13
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 16)
สำรอง
ลุค สตีล 30
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26 น. 63 ปาร์ค จีซุง 13
เชราร์ด ปิเก้ 28 น. 67 จอห์น โอเชีย 22
ริทชี่ โจนส์ 49 น. 59 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
เวย์น รูนี่ย์ 8
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน
รัสเซลล์ โฮลท์ 1
มาร์ติน อัลเบร็ชท์เซ่น 14
นีล คลีเมนท์ 6
ดาร์เรน มัวร์ 5
พอล โรบินสัน 3
รอนนี่ วอลล์เวิร์ค 24
ดาร์เรน คาร์เตอร์ 17
จุนอิชิ อินาโมโตะ 33
นาธาน เอลลิงตัน 22 ( น. 77)
จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 9
ดิโอมังซี่ คามาร่า 15
สำรอง
โธมัส คูสซ์ซาค 29
โธมัส การ์ดซู 4 น. 45 ดาร์เรน มัวร์ 5
ริชาร์ด แชปโปลว์ 12 น. 66 จอฟฟ์ ฮอร์สฟิลด์ 9
โจนาธาน กรีนนิ่ง 8
โรเบิร์ต เอิร์นชอว์ 23 น. 70 ดิโอมังซี่ คามาร่า 15
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 12 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง, ฟาวล์ 10, เตะมุม 3, ล้ำหน้า 6, การครองบอล 59%
เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ยิงประตู 8 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง, ฟาวล์ 9, เตะมุม 7, ล้ำหน้า 2, การครองบอล 41%
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ปาร์ค จีซุง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
Por